ปธ.กรรมาธิการแรงงานฯ ลุยเชียงใหม่! ตรวจศูนย์ CI ๘๒๑๖;แม่ริม๘๒๑๗; จี้แก้ปัญหา ๘๒๑๖;ศูนย์ไม่พอ-คิวลัด๘๒๑๗; สำหรับแรงงานเมียนมา



เชียงใหม่, ๖ ตุลาคม ๒๕๖๘ ๘๒๑๑; คณะกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร นำโดย ดร.สฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ประธานคณะกรรมาธิการแรงงานสภาผู้แทนราษฎร์ ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานของ ศูนย์ออกเอกสารรับรองบุคคล (Certificate of Identity: CI) อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อรับฟังปัญหาและหาแนวทางแก้ไขสำหรับแรงงานเมียนมาในพื้นที่ภาคเหนือ โดยมี นายชัชวาล ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และจัดหางานจังหวัดเชียงใหม่ให้การต้อนรับ


ดร.สฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ประธานคณะกรรมาธิการแรงงานสภาผู้แทนราษฎร์ เปิดเผยถึงสภาพปัญหาหลักที่พบในพื้นที่ภาคเหนือว่า จำนวนศูนย์ CI และพื้นที่การให้บริการใน ๑๗ จังหวัดภาคเหนือ ยังไม่สอดคล้องกับจำนวนแรงงานเมียนมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อการต่อบัตรตามมติคณะรัฐมนตรี ข้อเสนอเร่งด่วน ๓ ด้าน เพื่อแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าว



ประธานคณะกรรมาธิการฯ ได้เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาที่สำคัญ ๓ ประเด็นคือ เพิ่มศูนย์ Mobile และกระจายศูนย์ให้เหมาะสม ควรมีการเพิ่ม ศูนย์ Mobile ในภาคเหนือ หรือกระจายศูนย์ CI ไปยังจังหวัดที่เหมาะสม เพื่อให้เข้าถึงแรงงานได้มากขึ้น โดยตัวเลข Running Number ลำดับคิวจากการจ่ายเงินที่ร้านสะดวกซื้อ (เซเว่นอีเลฟเว่น) ถือเป็นข้อมูลสำคัญที่จะนำไปสู่การวิเคราะห์และคำนวณการจัดโซนหรือการเพิ่มศูนย์บริการได้อย่างแม่นยำ, พัฒนาระบบซอฟต์แวร์ CI จะนำเสนอต่อรัฐบาลเมียนมาให้มีการพัฒนา ระบบซอฟต์แวร์ ของการออกเอกสารรับรองบุคคลให้มีคุณภาพและมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และตรวจสอบ ๘๒๑๖;โบรกเกอร์๘๒๑๗; ตัดคิว เร่งตรวจสอบประเด็นการร้องเรียนว่ามีการใช้ โบรกเกอร์ เข้ามาอำนวยความสะดวกในการ ๘๒๒๐;ตัดคิว๘๒๒๑; ของผู้ที่ลงทะเบียนผ่านร้านสะดวกซื้อจริงหรือไม่ มีมากน้อยแค่ไหน เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน



ดร.สฤษฏ์พงษ์ ย้ำว่า คณะกรรมาธิการฯ จะนำปัญหาเหล่านี้ไปสู่การพิจารณาของรัฐบาล กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศ เพื่อหาแนวทางแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม โดยเน้นย้ำว่า แรงงานเมียนมาและนายจ้างทุกคนจะต้องได้รับการคุ้มครองสิทธิ์พื้นฐาน และสิทธิ์ในการได้รับการดูแลในฐานะที่อยู่ในประเทศไทย



การลงพื้นที่ครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความตื่นตัวในการเร่งแก้ปัญหาคอขวดของกระบวนการออกเอกสารรับรองบุคคล (CI) ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการทำให้แรงงานต่างด้าวสามารถทำงานได้อย่างถูกกฎหมายและได้รับการคุ้มครองสิทธิต่อไป.