จ.สงขลา ผนึกกำลังกรมประมง ยกระดับเครือข่าย ชปพ.ประมง เสริมศักยภาพ สร้างพลังขับเคลื่อนการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลสงขลา

เผยแพร่เมื่อ ๑๕/๐๙/๒๐๒๕ ๑๑:๒๖

จ.สงขลา ผนึกกำลังกรมประมง ยกระดับเครือข่าย ชปพ.ประมง เสริมศักยภาพ สร้างพลังขับเคลื่อนการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลสงขลา

จ.สงขลา ผนึกกำลังกรมประมง ยกระดับเครือข่าย ชปพ.ประมง เสริมศักยภาพ สร้างพลังขับเคลื่อนการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลสงขลา


วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๘ จังหวัดสงขลา ร่วมกับ กรมประมง โดยสำนักงานประมงจังหวัดสงขลา จัดโครงการฝึกอบรมหลักสูตรเพิ่มประสิทธิภาพผู้ช่วยเหลือการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ (ชปพ.ประมง) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ ระหว่างวันที่ ๑๕ – ๑๖ กันยายน ๒๕๖๘ ณ โรงแรมบีพี สมิหลา บีช อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา โดยมี นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เป็นประธานเปิดโครงการ และ นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวต้อนรับ พร้อมด้วยนายอำนวย คงพรหม ผู้ตรวจราชการกรมประมง, นายสิทธิพล เมืองสง ผู้อำนวยการกองตรวจการประมง, นายเจริญ โอมณี ประมงจังหวัดสงขลา, ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลสงขลา หัวหน้าส่วนราชการ ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐและภาคประชาชนเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง


นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้กล่าวต้อนรับและขอบคุณอธิบดีกรมประมงที่ให้เกียรติมาเป็นประธานเปิดโครงการฝึกอบรมผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงาน พร้อมเน้นย้ำถึงความตั้งใจของกรมประมงที่สนับสนุนงบประมาณเพื่อเสริมสร้างศักยภาพบุคลากร โดยชี้ให้เห็นการพัฒนาจังหวัดใน ๔ มิติสำคัญ ได้แก่ ’เศรษฐกิจ‘ ที่มุ่งสร้างรายได้ให้ประชาชน ‘สังคม’ ที่ต้องดูแลให้มีความสงบเรียบร้อย ‘ความมั่นคง’ ที่ผู้ช่วยเหลือต้องตระหนักถึงการเก็บรักษาความลับราชการ และ ‘ทรัพยากรธรรมชาติ’ ที่ต้องหวงแหน โดยเฉพาะทะเลสองฝั่งและทะเลสาบสงขลาซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น พร้อมขอให้ผู้เข้ารับการอบรมภาคภูมิใจและตั้งใจปฏิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์ของพี่น้องชาวสงขลาอย่างแท้จริง


ทั้งนี้ ตามพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดระเบียบการประมงของประเทศ ป้องกันมิให้มีการทำประมงที่ผิดกฎหมาย รักษาทรัพยากรสัตว์น้ำให้คงอยู่อย่างยั่งยืน เป็นแหล่งอาหารที่มั่นคงต่อมนุษยชาติ และรักษาสภาพสิ่งแวดล้อมให้อุดมสมบูรณ์เหมาะสม จังหวัดสงขลาในฐานะแหล่งทรัพยากรสัตว์น้ำที่สำคัญ ทั้งในเขตน่านน้ำชายฝั่ง เขตทะเลนอกชายฝั่ง และทะเลสาบสงขลา จึงต้องอาศัยการบริหารจัดการที่เข้มแข็งตลอดมา โดยจังหวัดได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรื้อถอนเครื่องมือประมงผิดกฎหมายหลายครั้ง แต่ด้วยข้อจำกัดด้านกำลังเจ้าหน้าที่ จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคประชาชนและองค์กรชุมชน โดยมี ชปพ.ประมง ที่กรมประมงแต่งตั้งขึ้น ทำหน้าที่เป็นเครือข่ายช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ด้านการควบคุม ตรวจสอบ ป้องกัน และปราบปรามการประมงผิดกฎหมาย พร้อมเผยแพร่ความรู้ด้านกฎหมายและมาตรการอนุรักษ์แก่ชุมชนในพื้นที่


สำนักงานประมงจังหวัดสงขลา และศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลสงขลา จึงได้จัดทำโครงการฝึกอบรมครั้งนี้ขึ้น เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจด้านกฎหมายการประมง และมาตรการอนุรักษ์ที่ทันสมัยแก่ผู้เข้ารับการฝึกอบรม อีกทั้งยังเพิ่มพูนทักษะ ความสามารถ และศักยภาพของ ชปพ.ประมงให้สามารถช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนส่งเสริมให้การปฏิบัติงานเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลที่เหมาะสม มีกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ผู้ช่วยเหลือการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ (ชปพ.ประมง) ที่ได้รับการแต่งตั้งแล้ว และผู้ที่มีคุณสมบัติตามประกาศกรมประมง รวมทั้งสิ้น ๑๒๐ คน โดยมีหลักสูตรการอบรมที่ครอบคลุมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ อาทิ การบรรยายความรู้ การฝึกระเบียบวินัย การใช้วิทยุสื่อสาร การอภิปรายแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การฝึกกลุ่มสัมพันธ์ และการจำลองสถานการณ์บังคับใช้กฎหมาย เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมสามารถนำไปปรับใช้ได้จริงในพื้นที่


ด้านนายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง กล่าวเปิดว่า กิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นตามดำริของผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เพื่อเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการดูแลทรัพยากร โดยเฉพาะทะเลสาบสงขลาซึ่งมีคุณค่าและเป็นแหล่งทรัพยากรสำคัญของประเทศ ทั้งนี้ การแต่งตั้ง ชปพ. เป็นไปตามกฎหมายประมง มาตรา ๑๐๖ ที่ให้กรมประมงคัดเลือกอาสาสมัครจากองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นมาช่วยเจ้าหน้าที่ โดยครั้งนี้มีผู้เข้ารับการฝึกอบรมมากถึง ๑๒๐ คน เพื่อเพิ่มความรู้ ความเข้าใจ และทักษะในการร่วมปฏิบัติงาน การเป็น ชปพ. ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงจิตอาสาเพื่อสังคม แต่ยังได้รับสิทธิและการคุ้มครองตามกฎหมายเช่นเดียวกับข้าราชการ หากประสบเหตุจากการปฏิบัติหน้าที่ อธิบดีกรมประมงย้ำว่าการดูแลทรัพยากรต้องอาศัยความร่วมมือทั้งภาครัฐและประชาชน เพื่อให้ลูกหลานในอนาคตยังคงได้ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรสัตว์น้ำอย่างยั่งยืน พร้อมขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และอาสาสมัครทุกคนที่ร่วมเสียสละเพื่อส่วนรวม