เมื่อวันนี้ 16 ก.ย. 2568 ตั้งแต่เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุม โรงแรมเพชรรัชต์การ์เด้น อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด นายกุล ภาคเดียว ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการปักหมุดพื้นที่เสี่ยงต่อการทุจริตจังหวัดร้อยเอ็ด กิจกรรมการประชุมเชิงปฏิบัติการปักหมุดแผนที่พื้นที่พื้นที่เสี่ยงต่อการพุจริต พร้อมด้วยพันเอก ดร. สิน สีโสม ประธานโค้ช STRONG-จิตพอเพียงต้านทจริตจังหวัดร้อยเอ็ด พันตำรวจเอกวัชรินทร์ ชาวงศกร โค้ชฯ STRONG สมเกียรติ รัตนเมธาธร โค้ชฯ STRONG และอดีตกรรมการ ป.ป.ช. ประจำจังหวัดร้อยเอ็ด ดร. อิศเรศ จิณฤทธิ์ เลขานุการโค้ชฯ STRONG นายจักรพรรณ ชินสมบัติ ประธานกรรมการชมรม STRONG อนันต์ เจริญแก่นทราย ที่ปรึกษาชมรม STRONGฯ โดยการดำเนินงานของนายเศก บูรณวรศิลป์ เจ้าพนักงานป้องกันการทุจริตชำนาญการ คณะจัดงานเจ้าหน้าที่ภาคีเครือข่ายการป้องกันและปราบปรามการทุจริต คณะโค้ช และคณะกรรมการบริหารชมรม Strong-จิตพอเพียงต้านทุจริตจังหวัดร้อยเอ็ด สื่อมวลชน และเครือข่ายภาคประชาชนผู้เข้าร่วมโครงการ
กิจกรรมนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อปลูกจิตสำนึกให้แก่ประชาชนในพื้นพื้นที่ฯ ในการเป็นเครือข่ายการจับตามองและแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับกระทำการทุจริตในจังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งจะต้องมีการแจ้งข้อมูลการทุจริตให้แก่เครือข่ายภาคประชาชนชมรมSTRONGฯ และสำนักงาน ป.ป.ช. ได้ทราบ โดยร่วมเป็นกลุ่มมวลชนชมรม STRONG-จิตพอเพียงต้านทุจริตจังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการร่วมกันกันป้องกันการทุจริตต่อไป
นายกุล ภาคเดียว ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดร้อยเอ็ด ประธานกล่าวว่า โครงการปักหมุดพื้นที่เสี่ยงต่อการทุจริตจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นโครงการตามยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต โดยเน้นการเฝ้าระวัง และแจ้งเบาะแส เกี่ยวกับการกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ของเจ้าหน้าที่รัฐทุกองค์กรในพื้นที่ที่มีการปักหมุดพื้นที่เสี่ยงต่อการทุจริต โดยอาศัยเครือข่ายภาคประชาชนในการเฝ้าระวังการทุจริตและแจ้งข้อมูลเพื่อให้เจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช.
ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ โดยการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการออกเป็นเลขเรื่องกล่าวหา (เลขดำ) และนำไปสู่การไต่สวนการทุจริตโดยทุกเรื่องที่มีการกล่าวหาจะต้องนำเสนอต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชุมเพื่อมีมติในการชี้มูลความผิดและนำไปสู่การฟ้องคดีต่อศาลต่อไป ทั้งนี้ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการส่งเสริมปลุกจิตสำนึกและส่งเสริมคนให้ทำความดี ให้เป็นแบบอย่างแก่สังคม ซึ่งหากทุกภาคส่วนนั้นได้ร่วมมือกันขับเคลื่อนแนวคิดดังกล่าวไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจัง ก็คาดว่าจะสามารถบรรลุผลสัมฤทธิ์ในการป้องกันการทุจริตและสร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริตให้เกิดขึ้นได้
✍️ สมนึก บุญศรี 0957579184 สำนักข่าวไทเกอร์นิวส์ รายงาน