วันที่ 15 กันยายน 2568 เวลา 09.00 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา (สส.) นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา แถลงข่าวผลการลงพื้นที่จังหวัดระนอง ชุมพร และสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 12 - 14 กันยายน 2568 เพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและภาคประชาสังคมเกี่ยวกับโครงการแลนด์บริดจ์ และร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ พ.ศ. .... (SEC) ซึ่งเป็นประเด็นที่ส่งผลกระทบกว้างขวางต่อสิ่งแวดล้อมเศรษฐกิจฐานราก และวิธีชีวิตชุมชน โดยสรุปประเด็นและข้อห่วงกังวลที่ได้รับจากการลงพื้นที่ พบว่า มีประเด็นเกี่ยวกับโครงการแลนด์บริดจ์ ชุมพร (แหลมริ้ว) – ระนอง (อ่าวอ่าง) โดยเฉพาะกระบวนการศึกษา EHIA ที่ขาดความโปร่งใสและการมีส่วนร่วมของประชาชน แม้โครงการจะเริ่มศึกษาตั้งแต่ปี 2557 และสรุปเส้นทางในปี 2560 แต่ประชาชนส่วนใหญ่กลับไม่ได้รับข้อมูลอย่างครบถ้วน แม้จะมีการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็น แต่ผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงกลับไม่ได้เข้าร่วม อีกทั้งการประเมินผลกระทบถูกแยกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ท่าเรือ ทางหลวง และรถไฟ โดยไม่มีการประเมินภาพรวม ทำให้ไม่สะท้อนผลกระทบที่แท้จริง รายงาน EHIA ยังมีข้อบกพร่อง เช่น ข้อมูลไม่ตรงกับรายงานเดิม ขอบเขตการศึกษาแคบเพียง 5 กิโลเมตร ไม่ครอบคลุมผลกระทบด้านเศรษฐกิจ สังคม และระบบนิเวศ นอกจากนี้ยังไม่มีการพิจารณารอยเลื่อนเปลือกโลกในพื้นที่ และมีการเร่งรัดจัดทำรายงานภายใน 120 วันตามกฎหมาย SEC ซึ่งเสี่ยงต่อความผิดพลาด พื้นที่ท่าเรือยังทับซ้อนกับเขตชีวมณฑลและพื้นที่ที่เสนอเป็นมรดกโลก หากมีการก่อสร้างอาจส่งผลให้สูญเสียคุณค่าทางธรรมชาติอย่างถาวร อีกทั้งกรมชลประทานมีแผนสร้างเขื่อน 9 - 13 แห่ง เพื่อป้อนน้ำให้โครงการ ซึ่งอาจทำให้ชุมชนต้องแย่งชิงน้ำใช้ ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตและเศรษฐกิจของชุมชน โดยเฉพาะชาวมอแกนและคนไทยพลัดถิ่นที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ อาจถูกย้ายถิ่นฐานโดยไม่มีที่อยู่อาศัยรองรับ รายงานเศรษฐกิจยังประเมินมูลค่าชาวประมงต่ำกว่าความเป็นจริง จาก 30,000 บาทต่อครัวเรือน เหลือเพียง 10,000 บาท สำหรับร่าง พ.ร.บ. ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ พ.ศ. .... (SEC) มีลักษณะคล้ายกฎหมาย EEC ที่เอื้อประโยชน์ต่อนายทุน โดยเปิดช่องให้คณะกรรมการสามารถงดเว้นหรือออกกฎหมายใหม่ได้ ครอบคลุมพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งเสี่ยงต่อการละเมิดรัฐธรรมนูญและกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อเกษตรกรรมและการท่องเที่ยว โดยเฉพาะพื้นที่พะโต๊ะ จังหวัดชุมพร ซึ่งเป็นแหล่งปลูกทุเรียน มังคุด และกาแฟมูลค่ารวมกว่าหมื่นล้านบาท อาจได้รับความเสียหายจากการใช้ทรัพยากรน้ำจำนวนมาก เนื่องจากร่าง พ.ร.บ. SEC น้ำจะถือเป็นทรัพย์สินของรัฐ ซึ่งอาจจำกัดสิทธิการใช้น้ำของประชาชน อีกทั้งยังขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริง โดยเวทีรับฟังความคิดเห็นไม่เปิดกว้างต่อผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง ทำให้ประชาชนจำนวนมากยังไม่ได้รับข้อมูลที่เพียงพอและไม่เข้าใจสาระสำคัญของกฎหมาย
.
คณะกรรมาธิการฯ จึงมีข้อเสนอเบื้องต้น (ซึ่งยังไม่ใช่ข้อสรุปในรายงาน) ดังนี้ ขอให้ชะลอการดำเนินโครงการแลนด์บริดจ์และการผลักดันร่าง พ.ร.บ. SEC จนกว่าจะมีการศึกษาและรับฟังความคิดเห็นอย่างรอบด้าน โดยเสนอให้มีการจัดทำการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (SEA) เพื่อให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหรือหน่วยงานกลางเป็นผู้ดำเนินการก่อนตัดสินใจ เพื่อประเมินผลกระทบเชิงพื้นที่และเชื่อมโยงโครงการทั้งหมด พร้อมทั้งส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง และสนับสนุนเกษตรกรรมยั่งยืน การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ และโครงการที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตท้องถิ่น นอกจากนี้ยังกล่าวว่า ชาวบ้านไม่ต้องการความเจริญที่ยัดเยียดเข้ามาแบบผิดฝาผิดตัว แต่ต้องการการพัฒนาที่ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง รัฐบาลจำเป็นต้องรับฟังเสียงของประชาชน คำนึงถึงเศรษฐกิจฐานราก วิถีชีวิตดั้งเดิม และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้โครงการขนาดใหญ่มีความชอบธรรมและยั่งยืน พร้อมฝากถึงรัฐบาลว่าไม่ควรเร่งรัดผลักดันโครงการในขณะที่รายงานความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจยังเป็นข้อสงสัย และรายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมก็ยังมีปัญหาอย่างมาก เนื่องจากโครงการขนาดใหญ่นี้จำเป็นต้องใช้เวลาในการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและมีงบประมาณผูกพันสูง จึงควรให้รัฐบาลที่ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงชั่วคราวเป็นผู้ตัดสินใจ และควรเป็นรัฐบาลที่ใช้นโยบายนี้ในการหาเสียงและได้รับฉันทามติจากประชาชน
✍️ ฤทธิรณ ปัญญากาบ สำนักข่าวไทเกอร์นิวส์ รายงาน