นายภัสชญภณ หมื่นแจ้ง รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร ในฐานะโฆษกกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า กรมวิชาการเกษตรขอแจ้งเตือนเกษตรกรและผู้ประกอบการที่เพาะเลี้ยงหรือค้าพืชอวบน้ำในกลุ่มไม้หนาม ได้แก่ พืชในวงศ์ไดดิเรียซีอี (Didiereaceae) และวงศ์เฟาเควอเรียซีอี (Fouquieriaceae) ซึ่งเป็น
“พืชอนุรักษ์” ภายใต้บัญชีแนบท้ายของอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ หรือ ไซเตส (CITES) หากทำการค้าระหว่างประเทศ ต้องยื่นขอใบอนุญาต CITES Permit และขึ้นทะเบียนสถานที่เพาะเลี้ยงพืชอนุรักษ์ กับกรมวิชาการเกษตร เนื่องจากพืชกลุ่มนี้กำลังถูกคุกคามอย่างรุนแรงจากการลักลอบเก็บหาจากธรรมชาติเพื่อการค้า รวมถึงการบุกรุกพื้นที่ป่าจากกิจกรรม
ทางการเกษตรทำให้หลายชนิดอยู่ในภาวะใกล้สูญพันธุ์และต้องได้รับการคุ้มครองภายใต้กฎหมาย
ทั้งในระดับประเทศและระหว่างประเทศ
พืชอวบน้ำ (Succulent Plant) เป็นกลุ่มพืชที่วิวัฒนาการทางสรีระวิทยามาเพื่อกักเก็บน้ำ
ในส่วนต่าง ๆ ของพืช เช่น ลำต้น ใบ เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตในสภาพแวดล้อมที่แห้งแล้งได้ โดยหนึ่งในกลุ่มพืชอวบน้ำที่น่าสนใจและกำลังได้รับความนิยมในหมู่ผู้ปลูกไม้ประดับ คือ กลุ่มไม้หนาม ซึ่งนอกจากจะมี
ลำต้นอวบน้ำแล้ว ยังมีลักษณะพิเศษคือ ใบหรือก้านใบแปรสภาพเป็นหนามเพื่อป้องกันอันตราย แต่ก็ยังคงมีใบจริงอยู่ด้วย โดยมีความสวยงามแปลกตา เหมาะสำหรับปลูกเป็นไม้ประดับ แม้ประเทศไทยจะไม่มี
ถิ่นกำเนิดของพืชกลุ่มดังกล่าว แต่จากความนิยมในกลุ่มผู้รักพืชอวบน้ำส่งผลให้ไม้หนามหลายชนิด
ถูกนำเข้ามาเพาะเลี้ยงและจำหน่ายอย่างแพร่หลาย โดยเกษตรกรและผู้เพาะเลี้ยงอีกจำนวนไม่น้อย
ที่ไม่ทราบว่าไม้เหล่านี้อยู่ภายใต้ข้อกำหนดของ CITES และการดำเนินการโดยไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย
อาจเข้าข่ายความผิด โดยไม้หนามที่นิยมปลูกเป็นไม้ประดับในประเทศไทย ได้แก่ อัลเลาเดีย โพรเซอรา (Alluaudia procera), อัลเลาเดีย โคโมซา (Alluaudia comosa), ไดดีเรีย มาดากัสการีเอนซิส (Didierea madagascariensis), ไดดีเรีย โรลลิอาย (Didierea trollii) และซิกแซก (Decaryia madagascariensis)
โฆษกกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ข้อแนะนำสำหรับเกษตรกรและผู้เพาะเลี้ยงให้ตรวจสอบก่อนว่าพืชที่ปลูกหรือเพาะเลี้ยงอยู่ในบัญชี CITES หรือไม่ ในกรณีที่เป็นการปลูกเลี้ยงเพื่อเป็นไม้ประดับภายในบ้านเรือนหรือทำการค้าขายในประเทศไม่มีความผิด แต่หากต้องการทำการค้าระหว่างประเทศต้องยื่นขอ
ใบอนุญาต CITES Permit และขึ้นทะเบียนสถานที่เพาะเลี้ยงพืชอนุรักษ์ กับกรมวิชาการเกษตร ถ้าฝ่าผืนจะมีโทษตามพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. 2578 และที่แก้ไขเพิ่มเติม การนำเข้า ส่งออก หรือนำผ่าน
พืชอนุรักษ์ และซากของพืชอนุรักษ์ ต้องได้รับหนังสืออนุญาตพืชอนุรักษ์จากอธิบดีกรมวิชาการเกษตร หรือ
ผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 3,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มวิจัยอนุสัญญาไซเตสด้านพืช สำนักคุ้มครองพันธุ์พืชโทรศัพท์: 0 2940 5687, 0 25790919 อีเมล: [email protected] Line ID: citesflora.th
และ Facebook Page: CITES Flora Thailand
สำนักข่าวไทเกอร์นิวส์ รายงาน