วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๘ เวลา ๐๙.๐๐ น.นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เป็นประธานเปิดงานวันอาบป่าสระบุรี (Saraburi Forest Bathing Day) เพื่อประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการตลาด กิจกรรมอาบป่าสระบุรี ให้เป็นที่รู้จัก และแพร่หลายไปยังนักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจ ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานพระนครศรีอยุธยา ร่วมกับ สมาคมการท่องเที่ยวสระบุรี และภาคเอกชนร่วมกันจัดขึ้น ณ อุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี
โดยมีนางจิตตินันทน์ เชาวรินทร์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสระบุรี /ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสระบุรี
พร้อมด้วย นายณัฐปคัลภ์ อัครวิชญ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. พระนครศรีอยุธยา นางวัณณิกา รัตพงศ์ นายกสมาคมการท่องเที่ยวสระบุรี นางสาวอ้อยทิพย์ ปานสอาด นายอำเภอมวกเหล็ก นายปกครอง ทองเนื้อแข็ง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย นางสาวพัชรศรี สมบัติทวีคูณ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสระบุรี นางสุวาพร เสภาศีราภรณ์. ประชาสัมพันธ์จังหวัดสระบุรี ส่วนราชการ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย เครือข่ายป่าชุมชน ภาคเอกชน นักท่องเที่ยว และสื่อมวลชน เข้าร่วมกิจกรรม
ในการจัดงานประกอบด้วย กิจกรรมบรรยายจาก คุณธนาพร ตระกูลดิษฐ์ นักวิชาการป่าไม้ชํานาญการ และ กระบวนกรอาบป่าเชี่ยวชาญ บรรยายเรือง Forest Talk นอกจากนีผู้เข้าร่วมยังมีโอกาสได้เข้าร่วม กิจกรรมพิเศษ ได้แก่ กิจกรรมอาบป่า กิจกรรมเปิด ๕ ผัสสะสัมผัสป่า และ กิจกรรมแมนดาลา-ศิลปะภาวนา และเรียนรู้กับนิทรรศการจากเครือข่ายป่า ชุมชนสระบุรี และกลุ่มมงานบริการวิชาการกรมป่าไม้(สวนรุกขชาติมวกเหล็ก)รวมทั้งช้อปปิ้งสินค้าและผลิตภัณฑ์จากเครือข่ายท่องเที่ยวและป่าชุมชนสระบุรี
โดยนางวัณณิกา รัตพงศ์ นายกสมาคมการท่องเที่ยวสระบุรี ได้กล่าวว่า การอาบป่า (Forest Bathing) เป็นศาสตร์บําบัดจากญี่ปุ่น ทีเรียกว่า Shinrin Yoku ทีใช้การสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิดเพื่อผ่อนคลายร่างกายและจิตใจที่ เหนื่อยล้า ศาสตร์นี้เป็นทีรู้จักของชาวญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี ๑๙๘๒ กระทั่งปี ๒๐๐๒ จึงมีการก่อตั้งสมาคมป่าบําบัดขึ้นเพื่อวิจัยผลกระทบของสิ่งแวดล้อมในป่าที่ส่งผลต่อสุขภาพของคน การอาบป่ากลายเป็นส่วนสำคัญของการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันของญี่ปุ่น และมีผลวิจัยของญี่ปุ่นพบว่าการอาบป่ามีข้อดีดังต่อไปนี้ ทำให้คุณภาพการนอนหลับดีขึ้น มีอารมณ์และสมาธิดีขึ้น ลดระดับความเครียด ได้ดี ศาสตร์อาบป่าจึงได้รับความนิยมไปทั่วภูมิภาคของโลก และเริ่มมีกระแส ของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและเชิงนิเวศในการนํากิจกรรมอาบป่าเข้ามาสู่ประเทศไทย กิจกรรมอาบป่า อยู่ภายใต้แผนยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนจังหวัดสระบุรีสู่ความ เป็นเมืองคาร์บอนต่ำ(Saraburi Sandbox) ในกรอบยุทธศาสตร์ที่ ๕ การเพิ่มพื้นที่สีเขียวและท่องเที่ยวเชิงนิเวศ โดยภาคเอกชนหลัก บริษัท SCG จํากัด และ บริษัท เคมีแมน จํากัด ร่วมสนับสนุนการดำเนินการของเครือข่ายป่าชุมชน จังหวัดสระบุรี เพื่อวางแนวทางการใช้ประโยชน์ของป่าชุมชนและอุทยานแห่งชาติ ในด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เป็นการท่องเที่ยวที่คำนึงถึงความสมดุล ด้านสิงแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม
กิจกรรม อาบป่าสระบุรี ขณะนี้ ได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากภาครัฐ ภาค เอกชน และชุมชน โดยมีแผนดำเนินการ ใน ๓ ด้านหลัก ๑.การพัฒนานักอาบป่าปัจจุบันมีนักอาบป่า จำนวน ๑๐ คน ที่อยู่ระหว่างการฝึกฝนและสะสม ประสบการณ์ ได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชน โดยมีการนําพนักงานเข้าร่วมกิจกรรม อาบป่า มีแผนจัดอบรมและพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมทักษะการนํากิจกรรม อย่างลึกซึ้ง และปลอดภัย ๒. การพัฒนาพื้นที่อาบป่า แบ่งออกเป็น ๓ ประเภทหลัก ได้แก่ พื้นที่อนุรักษ์ธรรมชาติ อุทยานแห่งชาติ ๔ แห่ง / เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ๔ แห่ง/ สวนพฤกษศาสตร์พุแค/สวนรุกขชาติมวกเหล็ก ป่าชุมชน ขณะนี้มีพื้นที่ที่พร้อมเปิดให้บริการแล้ว ๓ แห่ง มีเป้าหมายพัฒนา ให้ครบ ๔๕ แห่งทั่วจังหวัด
พื้นที่สถานประกอบการ ดำเนินการ ผ่านสมาคมการท่องเทียวสระบุรี เชิญชวนผู้ประกอบการที่มีพื้นที่ศักยภาพเข้าร่วมกิจกรรมอาบป่า ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการมีส่วนร่วมของท้องถิ่น และ ๓. การพัฒนาองค์กรเพื่อการจัดการอย่างยั่งยืน มีการจัดตั้งความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และเครือข่ายป่าชุมชน ร่วมกันพิจารณามาตรฐาน การพัฒนานักอาบป่าและพื้นที่อาบป่า วางระบบการจัดการหลังบ้าน เช่น การประชาสัมพันธ์ การให้ข้อมูล และการประสานงาน สร้างระบบที่สามารถพัฒนาได้ อย่างต่อเนื่องและมีความยั่งยืน
กิจกรรมอาบป่าเป็นกิจกรรมท่องเทียวใหม่ ที่มีจุดเน้นการพักกาย พักใจ ซึ่งมีความสอดคล้องและเหมาะสมกับบริบท รวมทั้งมีจุดสนใจจากผืนป่า แม่น้ำป่าสักและลำธารมวกเหล็ก รวมทั้งธรรมชาติเขาหินปูนที่สมบูรณ์และสวยงามในจังหวัดสระบุรี โดยในระยะแรก จัดนําร่องในพื้นที่ ๒ อุทยาน ๔ ป่าชุมชน ได้แก่ ๑.อุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย อำเภอมวกเหล็ก ๒. อุทยานแห่งชาติเจ็ดคดโป่งก้อนเส้า อำเภอแก่งคอย ๓. ป่าชุมชนบ้านถ้ำน้ำพุ อำเภอแก่งคอย ๔.ป่าชุมชนคลองระบัง อำเภอมวกเหล็ก ๕. ป่าชุมชนเขาน้อยจอมสวรรค์ อำเภอวิหารแดง และ ๖. กลุ่มป่าชุมชนเขาพระพุทธบาทน้อย อำเภอแก่งคอย คาดว่าในช่วงเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป จะมีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมอาบป่าในสระบุรีเพิ่มมากขึ้น ทั้งจากกลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไป องค์กร และชุมชน ซึ่งจะเป็นนแรงขับเคลื่อนสำคัญในการสร้างการรับรู้ในด้านการอาบป่าและร่วมสร้างพื้นที่สีเขียว สร้าง Buffer Zone ให้คนกรุงเทพฯ และในเมือง
สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจกิจกรรมอาบป่าสระบุรี สามารถติดต่อได้ที Facebook: อาบป่าสระบุรี และ Facebook : สมาคมการท่องเทียวสระบุรี โทร. ๐๖๒-๙๙๖-๔๕๙๓
ทั้งนี้ นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ได้กล่าวว่า งานอาบป่าสระบุรี ซึ่งเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวใหม่ล่าสุดของจังหวัดสระบุรี ออกแบบสร้างสรรค์เพื่อให้เกิดกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศอย่างยั่งยืนรูปแบบใหม่ และการใช้ธรรมชาติบำบัดแบบการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ(Wellness Tourism) รวมทั้งยังเป็นการเปิดกิจกรรมท่องเที่ยวแนวใหม่แบบคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Tourism) ที่มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนจังหวัดสระบุรีเป็นเมืองคาร์บอนต่ำ (SaraburiSandbox) และกิจกรรมอาบป่าสระบุรี จะช่วยในการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมด้านการตลาด เป็นกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพแบบใหม่ที่จะเป็นที่รู้จักและแพร่หลายไปยังนักท่องเที่ยว
และผู้ที่สนใจ ให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวกายในจังหวัดสระบุรี ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้และส่งเสริมภาพลักษณ์
จังหวัดสระบุรีเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงนิเวศอย่างยั่งยืน