สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งถึงวันที่ ๒๑ กันยายนนี้ จากอิทธิพลร่องมรสุมพาดผ่าน ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยายังคงการระบายน้ำอยู่ที่ ๒,๐๐๐ ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อบรรเทาผลกระทบให้กับประชาชนในพื้นที่จังหวัดชัยนาท อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา
นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า กรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) หรือ สสน. ได้คาดการณ์ปริมาณฝนถึงวันพรุ่งนี้ ( ๑๖ ก.ย.๖๘) จะมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ทำให้พื้นที่ดังกล่าวมีฝนตกหนักบางแห่ง แต่ภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีฝนลดลง จากนั้นช่วงวันที่ ๑๗ – ๒๑ กันยายน ร่องมรสุมจะเลื่อนลงไปพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคกลาง กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และภาคใต้ ส่งผลให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ประกอบกับ ช่วงปลายเดือนกันยายนถึงต้นเดือนตุลาคมมีแนวโน้มจะเกิดการก่อตัวของพายุอีก ๑-๒ ลูก จะทำให้มีปริมาณฝนเพิ่มขึ้นในประเทศไทย จึงจำเป็นต้องบริหารจัดการน้ำในรูปแบบกลุ่มลุ่มน้ำ โดยลุ่มน้ำเจ้าพระยาให้กรมชลประทานคงการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท อยู่ที่ ๒,๐๐๐ ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ณ ปัจจุบันมีปริมาณน้ำไหลผ่านสถานี C.๒ จังหวัดนครสวรรค์ อยู่ที่ ๒,๒๒๔ ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีปริมาณน้ำสะสมจากฝนที่ตกต่อเนื่องในพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ำเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้พื้นที่ลุ่มต่ำริมน้ำด้านเหนือเขื่อนของจังหวัดชัยนาทได้รับผลกระทบ บริเวณ ต.ท่าฉนวน ต.ศิลาดาน ต.วัดโคก ต.คุ้งสำเภา อ.มโนรมย์ // ต.มะขามเฒ่า ต.วัดสิงห์ อ.วัดสิงห์ // ต.ธรรมามูล ต.หาดท่าเสา ต.เขาท่าพระ ต.ท่าชัย ต.บ้านกล้วย ต.ชัยนาท อ.เมืองชัยนาท
ขณะที่พื้นที่นอกคันกั้นน้ำได้รับผลกระทบเช่นกัน บริเวณคลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง // คลองบางบาล , ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา , ตำบลลาดชิด ตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่อยู่ติดกับแม่น้ำน้อย ซึ่งมีน้ำท่วมขังอยู่ก่อนแล้ว ส่งผลให้มีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ประชาชนหลายครัวเรือนต้องเฝ้าระวังและยกของขึ้นที่สูงเพื่อป้องกันความเสียหาย